วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง ลี้ท้ำฮวย

..ว่าด้วยเรื่อง ลี้ท้ำฮวย
ลี้ชิ้มฮัว (ลี้คิมฮวง) แสดงโดย ตี้หลุง ปี 1981 ใน Return of The Sentimental Swordman

..ว่ากันว่า มีดบินที่ไม่เคยพลาดเป้า คือมีดบินของ ลี้น้อย.. ลี้น้อยคือใคร ท่านที่ไม่เคยอ่านหรือดู  มือกระบี่มากรัก กระบี่ไร้น้ำใจ ย่อมไม่เข้าใจ บางท่านอาจคุ้นเคยกับ ชื่อเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น หรือ เซียวลี้ปวยตอ มีดบินไม่พลาดเป้า มากกว่า

..แน่นอนว่าตัวเอกในเรื่องนี้ ย่อมเป็น ลี้น้อย..ลี้ชิ้มฮัว (ลี้คิมฮวง) นั่นเอง

..ในเนื้อเรื่อง ข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยถึงมากนักเพราะอยากให้ไปหาดูหรือ อ่านกันเอาเอง เอาเป็นว่าเราว่ารู้จักเกล็ดจากเรื่อง มีดบินไม่พลาดเป้า (ยึดเอาเวอร์ชันแปลของท่าน น.นพรัตน์) กันดีกว่า

เซี่ยวลี้ปวยตอ "มีดบินของลี้น้อย"

..พูดถึงอาวุธที่ ลี้ชิ้มฮัว ใช้ นั่นก็คือ มีดน้อย จึงปรากฎคำ "小李飛刀" "เซี่ยวลี้ปวยตอ" (แต้จิ๋ว) หรือ "เซี่ยวลี้เฟยเตา" (จีนกลาง) ซึ่งแปลได้ว่า "มีดบินของลี้น้อย" โดยจากการจัดอันดับในตำราวิจารณ์อาวุธของ แป๊ะเฮี่ยวเซ็ง "มีดบินของลี้น้อย" ถูกวางเป็นมือวางอันดับ 3 ใน 10 อย่างที่มีการพูดถึงในเรื่อง..แน่นอนในยุทธจักรกล่าวว่า "มีดเป็นมีดธรรมดา แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของมีดนั่นเล่า" นี่ย่อมเป็นการยกย่องว่า ลี้ชิ้มฮัว นั่นเอง
ภาพถ่ายผู้ที่สอบเข้าแข่งขันและได้ตำแหน่งจอหงวน ในปลายราชวงศ์ชิง

..นอกจากฝีมือ ฝีข้อของ ลี้น้อยจะเยี่ยมยุทธแล้ว สมองของ ลี้ชิ้มฮัว ยังไม่เป็น สาม รองใครอีกด้วย?..ทำไมต้องเป็นสาม..เนื่องจากในเนื้อเรื่องได้กล่าวไว้ว่า.."คนผู้นี้เป็นกงจื้อตระกูลใหญ่ บรรพบุรุษรับราชการมาหลายชั่วอายุคน กล่าวได้ว่ามีเกียรติประวัติอันเกริกไกรในสามชั่วอายุคน กลับมีคนสอบได้บัณฑิตเจ็ดครั้ง น่าเสียดายที่ไม่อาจไต่เต้าได้ตำแหน่งจอหงวน เมื่อถึงรุ่นของ ลี้เล่าท้ำฮวย (ท้ำฮวยผู้สูงอายุแซ่ลี้) เสียวเอี้ย (นายน้อย) ทั้งสองยิ่งชาญฉลาดปราดเปรื่อง เปล่งประกายปัญญา ดังนั้นท่านผู้เฒ่าฝากความหวังอยู่ที่กงจื้อทั้งสองนี้..แต่แล้ว ตั่วลี้กงจื้อ(คุณชายคนโตแซ่ลี้) พอสอบเข้ายังคงได้ตำแหน่ง ท้ำฮวย..

.."..พอถึง ครา เซี่ยวลี้กงจื้อ (คุณชายเล็กแซ่ลี้) ซึ่งหมายถึง ลี้ชิ้มฮัว ก็ได้ตำแหน่ง ท้ำฮวยอีก เช่นนี้ เมื่อพูดถึง "ลี้ท้ำฮวย" ก็หมายถึง "ลี้ชิ้มฮัว" นั่นเอง

..ส่วนที่ว่า ทำไมต้องสาม..จากเกร็ดความรู้ก็คือเรื่องเกี่ยวกับการสอบจอหงวน ได้กล่าวสั้นๆว่า

ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิงแบ่งระดับการสอบออกเป็น 4 ขั้นกล่าวคือ

1.ระดับที่ต่ำสุดเรียกว่า “เยวี่ยนซื่อ”(院试)ถือเป็นการสอบคัดเลือกเพื่อคัดสรรข้าราชการเข้าปกครองในระดับอำเภอ หากผ่านการสอบดังกล่าวจะได้เลื่อนขั้นเป็นซิ่วไฉ (秀才)

2. ระดับถัดมาคือการสอบในระดับมณฑลเรียกว่า “เซียงซื่อ”(乡试)หากสอบผ่านขั้นนี้ก็จะได้เลื่อนเป็นจวี่เหยิน (举人)ทำให้มีสิทธิ์สอบในระดับที่สูงขึ้น

3. ระดับที่ 3 คือการสอบระดับ “ฮุ่ยซื่อ”(会试)ผู้ที่สอบผ่านจะได้เลื่อนเป็นก้งซื่อ(贡士)การสอบครั้งนี้จะมีขุนนางฝ่ายพิธีกรรมเป็นผู้คุมสอบ

4. ระดับสูงสุด คือการสอบหน้าพระที่นั่งหรือ “เตี้ยนซื่อ” (殿试)ผู้ที่สามารถสอบผ่านได้เลื่อนเป็นจิ้นซื่อ(进士)และผู้ที่สอบได้ที่ 1, 2 และ 3 จะได้ตำแหน่งจอหงวน(状元), ปั้งเหยี่ยน(榜眼)และทั่นฮวา (探花)ตามลำดับ 


ภาพวาด การสอบ "เตี้ยนซื่อ" หรือสอบระดับสูงสุด

การสอบครั้งหลังนี้สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้เข้าสอบอย่างมาก เพราะกษัตริย์จะเป็นผู้ที่เข้ามาดูแลความเรียบร้อยในสนามสอบด้วยพระองค์เอง ความสำเร็จในการสอบมิได้เพียงแต่ลาภยศสรรเสริญที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย หากยังมีชื่อเสียงที่ขจรขจายไปทั่วราชอาณาจักร

..จะเห็นว่า ตำแหน่งที่ ตระกูลลี้ สอบได้ คือ ตำแหน่งอันดับสาม ทั่นฮวา หรือ ท้ำฮวย (探花)ซึ่งเป็นการสอบหน้าพระที่นั่ง หรือระดับสูงสุดแล้ว

...................................................

เกร็ดเล็กเกี่ยวพัน


..ใน มีดบินไม่พลาดเป้า เล่ม 2 เรียบเรียงโดย น.นพรัตน์ ได้กล่าวไว้ว่า...

"ได้ยินว่า..วีรบุรุษเมื่อครั้งกระโน้น "ซิมลั้ง" (ตัวเอกในเรื่องราชายุทธจักร..ไม่ต้องบอกว่าเทพแค่ไหน) เป็นสหายสนิทบิดา ของ ลี้ชิ้มฮัว..และก่อนที่ ซิมไต้เฮียบ (วีรบุรุษแซ่ซิม) จะถอนตัวเร้นกาย เคยมอบคัมภีร์สองเล่มให้ บิดาของลี้ชิ้มฮัวดูแล คัมภีร์สองเล่มนี้ได้จารึกเคล็ดวิชาทั้งหมดของซิมไต้เฮียบ ท่านเพียงฝึกคัมภีร์เล่มหนึ่ง วิชา เซี่ยวลี้ปวยตอ (มีดบินของลี้น้อย) ก็พิชิตโดยไร้คู่ต่อต้าน หากฝึกปรือทั้งสองเล่ม นับเป็นความสำเร็จระดับใด.."

..อันที่จริงนักอ่านย่อมทราบว่า ที่ได้กล่าวข้างต้นว่า พ่อของลี้ชิ้มฮัวได้รับคัมภีร์จาก ซิมลั้ง นั่นย่อมเป็นข่าวลือที่ ลิ้มเซียนยี้ ปล่อยออกมาเพื่อให้ชาวยุทธมาก่อกวน ลี้ชิ้มฮัว เพื่อแย่งคัมภีร์ที่ไม่มีอยู่จริงนั่นเอง เพราะ ลิ้มเซียนยี้ ไม่สามารถกุมหัวใจของ ลี้น้อยได้ จึงได้แต่ทำลายเขาไปนั่นเอง

..นอกจากนี้เอง ในเรื่อง "ราชายุทธจักร" เอง ซิมลั้งก็เคยกล่าวไว้ว่า ชั่วชีวิตของเค้าไม่เคยชมชอบ หรือ ฝึกวิชา อาวุธลับใดๆทั้งสิ้น..แล้วมีดบินย่อมถือเป็นหนึ่งในอาวุธลับด้วยเช่นกัน ดังนั้น ต่อให้ พ่อของลี้ชิ้มฮัว ได้รับคัมภีร์จริงก็ไม่มีวิชา มีดบิน เช่นกัน

..ส่วนคัมภีร์ที่ควรตกทอดมาถึง ลี้ชิ้มฮัว กลับเป็น ตำรา "ถนอมบุปผา" หรือ "เลี้ยงฮวยป้อก่ำ" ซึ่งเป็นวิชา นานาชนิดของ "เฮ้งเลี้ยงฮวย" ผู้เป็นศัตรูกับ ซิมลั้ง แต่ต่อมากลายเป็นสหายกัน ในตำรารวบรวม การแพร่พิษ การแปลงโฉม ปล่อยแมลงคุณไสย ตลอดจนวิชาสะกดจิต..แต่สุดท้าย ลี้ชิ้มฮัวได้ตำรานี้ไปหรือไม่...

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง "ปีศาจสุรา"

..ว่าด้วยเรื่อง "ปีศาจสุรา"


ภาพวาดหลี่ไป๋ จิบเหล้า ชมจันทร์


.."ปีศาจสุรา" เป็นอีกหนึ่งฉายานอกจาก "มังกรโบราณ" ของ นักเขียนอัจฉริยะแห่งนิยายจีนกำลัง
ภายในผู้เคียงคู่มากับ "กิมย้ง"..นั่นคือฉายาของ "โกวเล้ง" หรือ กู่หลง

..โกวเล้งนับว่าเป็นนักเขียนที่ชมชอบการดื่มสุรามากท่านหนึ่ง จนกระทั่งในชั้นสุดท้ายของชีวิต
ต้องตกตาย ด้วยโรคตับแข็งเพราะการร่ำสุราอย่างหนัก ในวัย 48 ปีเท่านั้น

..ท่านจะเห็นว่าในนิยายเรื่องต่างๆของโกวเล้งนั้น ส่วนมากตัวเอกมักมีนิสัยชื่นชมชอบดื่มสุรา นั่น
เพราะเป็นนิสัยส่วนตัวของท่าน "มังกรโบราณ" เลยหยิบไปใส่ไว้ในตัวละคร

..แต่อย่างไรก็ตาม การที่ชอบร่ำสุรานั้นก็เพราะว่า โกวเล้ง นั่นเป็นคนมีสังคมและเพื่อนมากนั่นเอง
โกวเล้ง ชมชอบการคบหาสหายที่สุด อาศัยสุรานัดพบกับ สหาย สุรากับโกวเล้งเป็นสิ่งที่แยกกัน
ไม่ออก แม้นว่าในตอนเขียนต้นฉบับไม่แตะต้องสุรา แต่ผลงานต่างๆที่ออกมายังปรากฎกลิ่นสุรา
ขจรขจาย..


..โกวเล้งกล่าวไว้ว่า "ซึ่งความจริงข้าพเจ้ามิใช่รักในการดื่มสุราที่สุด ข้าพเจ้ามิได้ชมชอบรสชาติ
ของสุรา หากแต่เป็นเพื่อนในวงสุรา และ บรรยากาศในวงสุรา บรรยากาศเช่นนี้ มีแต่สุราจึงสร้าง
ขึ้นได้"..แน่นอนนอกจากเรื่องของสุราที่ท่านจะสามารถพบเจอในนิยายของโกวเล้งแล้ว เรื่อง
มิตรภาพระหว่างสหายก็มักจะพบเจอเช่นเดียวกัน


ข้อสังเกต

..เรามักจะเห็นว่าตัวเอกของ โกวเล้งส่วนมาก(ไม่ทุกคน)มักเก่งมาแต่ตอนต้น ไม่ต้องมาฝึกวิชาเก็บ
เลเวลนานเหมือนกับทางฝั่งของ กิมย้งหรืออาจจะฝึกเก่งแค่ตอนเดียว อย่างเช่น..ซิมลั้ง แห่งราชา
ยุทธจัก , ลี้ชิมฮัว(ลี้คิมฮวง) แห่ง มีดบินไม่พลาดเป้า, เจี่ยเฮียวฮง แห่ง ซาเสียวเอี้ย, เต็งพ้ง แห่ง อินทรีผงาดฟ้า, หรือแม้แต่ เซียวจับอิดนึ้ง แห่ง จับอิดนึ้ง เป็นต้น..นั่นเป็นเพราะว่าในวงสุราผู้คนส่วนมากเมื่อเริ่มเมามายมักทำตัวให้เสียงดังขึ้น พูดมากขึ้น เก่งมากขึ้น..เพราะฉะนั้นตัวละครในนิ
ยายของโกวเล้งมักเก่งกาจตั้งแต่เริ่มต้นด้วย เมื่อโกวเล้งพูดในวงสุราก็มักจะบอกว่า ตัวละครของ
เค้าก็เปรียบเสมือนตัวเค้าเอง

เกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเมาเขียนหนังสือ
..คาดว่าในบางครั้ง โกวเล้ง อาจจะไม่สร่างเมาเมื่อเริ่มเขียน ต้นฉบับนิยายสักชิ้นนึง หรืออาจจะ
มึนๆเล็กน้อยทำให้มีอารมณ์ในการเขียนบ้าง ดังที่จะยกตัวอย่างใน จับอิดนึ้ง ดังนี้

เซียวจับอิดนึ้ง โดย Shaw Brothers 1978 นำแสดงโดย ตี้ หลุง
1. ในเรื่อง จับอิดนึ้ง เข้าใจว่ามีการมั่วเรื่องอายุของตัวละครเล็กน้อย กล่าวคือ ในหน้า 42 ของจับ
อิดนึ้ง..ตัวละครฮวยซี่เนี้ยได้ดื่มสุราใบไผ่เขียว ฉลองอายุครบ 34 ปี ในวันที่ 15 เดือน 7, ในตอน
เดียวกันหน้า 47 เซียวจับอิดนึ้งได้ กล่าวกับ ฮวยซี่เนี้ยว่า "เราเพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดปี ต่อให้คิดแต่งงาน
ก็สมควรเสาะหาโกวเนี้ยน้อยอายุสิบห้าสิบหก.." ต่อจากนั้นในหน้า 56 ฮวยซี่เนี้ยได้กล่าวกับ 
เซียวจับอิดนึ้งว่า "..ปีศาจน้อยอย่าได้กล่าวประจบมารดา เราอายุมากกว่าท่านห้าปี สี่เดือนกับอีก
สามวัน!! ไม่พอเซียวจับอิดนึ้งยังกล่าวต่อว่า "ตั่วเจ้..ท่านจำได้แม่นยำยิ่ง" นั่นหมายความว่าต้องมี
คนมั่ว(เมา) เพราะ ถ้ายึดตามหน้า 42 ที่ฮวยซี่เนี้ยอายุ 34 ถ้าเซียวจับอิดนึ้งอ่อนกว่า 5 ปีนั่นหมาย
ความว่า เซียวจับอิดนึ้งอายุ 29 ปี แล้วประโยคหน้า 47 ที่บอกว่า "เราเพิ่งอายุ 27 มันคืออัลไล..

บน เซียวเล้งนึ้ง ล่าง เอี้ยก่วย

2. ยังมีการเขียนเชิงแซวตัวละครยอดนิยมของฝั่งกิมย้งอย่าง "เอี้ยก่วย" จอมยุทธอินทรี จากมังกร
หยกภาคสองอีกด้วย..ใครๆย่อมทราบว่า เอี้ยก่วยนั้น บุคลิคห้าวหาญหล่อเหล่า และยึดมั่นในความ
รักต่อ ท่านอา เซียวเล้งนึ้ง. ในเรื่อง จับอิดนึ้ง มีตัวละครตัวหนึ่งชื่อ ซีคงซู่ ฉายา "ต๊กปี่เอ็งอ้วง" หรือ 
"เจ้าอินทรีแขนเดียว"!! แหม่ใครๆก็ทราบว่า เอี้ยก่วย มีแขนเดียวเช่นกันหลังโดน ก๊วยพู้ ฟันขาด 
แถม ซีคงซู่ ยังมีฉายา เป็น เจ้าอินทรี อีกต่างหาก ลักษณะของ เจ้าอินทรีนับว่า ตรงข้ามกับ เอี้ยก่วย 
โดนสิ้นเชิง กล่าวคือ มีการบรรยายว่า เจ้าอินทรี สูงไม่เกินห้าเชียะ ศีรษะกลับโตใหญ่มหึมา ผมเผ้า
ยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง คิ้วดกหนาทั้งคู่แทบเป็นเส้นเดียว ตาข้างซ้ายทอประกายวับวาว ตาข้าง
ขวากลับเป็นสีหมองหม่น คล้ายตาปลาตาย เคราขาวยุ่งเหยิงดั่งดงหญ้า แขนซ้ายที่หลงเหลือเพียง
ข้างเดียวกลับยาวจนน่ากลัว แถมยังบ้ากาม...สำรวจสภาพแล้วนึกตามนี่มันตัวอะไรกัน เทียบไม่ได้
เลยกับ เอี้ยก่วย สุดท้ายยังตายอย่างอนาจอีกต่างหาก


..ข้อสองคล้ายๆกับเป็นการหยอกเอินขำๆของ โกวเล้งที่มีต่อ เอี้ยก่วย ของกิมย้งนั่นเอง แต่เป็นการ
แซวห่างกัน กว่า 16 ปีเลยทีเดียว เพราะ มังกรหยกภาคสองพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Hong 
Kong Commercial Daily ในปี 1957 ส่วน จับอิดนึ้งพิมพ์ครั้งแรกในปี 1973..น่าแปลกเลข 16 ปี นี้
เกี่ยวข้องกับ เอี้ยก่วย และ เซียวเล้งนึ้ง คือ เท่ากับ 16 ปีที่ ท่านอาเขียนไว้บนผาว่า อีก 16 ปีพบกัน
แล้วโดดหลงหน้าผาไป..++

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง 4ตำลึงปาดพันชั่ง

..ว่าด้วยเรื่อง 4ตำลึงปาดพันชั่ง


สี่ตำลึงแดง หนึ่งตำลึงเขียว ป๊าดมันช่าง!

..แน่นอนว่าเราๆท่านที่ติดตามอ่านหรือดูหนังจีน(นิยาย)กำลังภายในหลายเรื่อง จะได้พบพานกับ ท่าต่อสู้หลากหลายท่า ไม่ว่าจะเป็น ไม้ตายของปังจู้ พรรคกระยาจก อย่าง "สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร" (降龍十八掌 "เจี้ยงหลงฉือบ่ะจ๋าง") , "ดัชนีหกชีพจร" (六脈神剑 "ลิ่วไม่เฉินเจี้ยน") วิชาสุดยอดของ ตระกูล ต้วน แห่งไต้ลี้. หรือ แม้แต่ "กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬ" (九阴白骨爪 "จิ่วอิมไบ๋กู๋ฉัว") ที่ ศพเหล็กและศพทองแดง ใช้ โดยศึกษาจาก คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง (九阴真经 "จิ่วอิมเจิ๊นจิง")

ดัชนีหกชีพจรของ ตวนอื้อ หรือ ต้วนอี้

18 ฝ่ามือพิชิตมังกร ของ เคียวฮง หรือ เฉียวฟง

กรงเล็บกระดูกขาวเก้าพระกาฬ ของ บ๊วยเถี่ยวฮวง


..นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาอีกอย่างนึง ที่จะพบเห็นกันอย่างมาก โดยเฉพาะในนิยายของกิมย้ง ที่มีช่วงเวลา ในราชวงศ์หมิง หรือหลังจากนั้น เคล็ดวิชานี้ก็คือ "สี่ตำลึงปาดพันชั่ง"

..ทำไมถึงต้องเป็นช่วงราชวงศ์หมิงถึงจะได้เห็นวิชานี้?? .. นั่นเป็นเพราะว่ามีหลักการของไท้เก็ก ซึ่งคิดค้นโดยปรมาจารย์ เตียซำฮง(張三丰 "จางซานฟง") แห่ง สำนักบู๊ตึง หรือ อู่ตัง (武當) อันโด่งดังนั่นเอง โดยสำนักบู๊ตึงอยู่ในช่วง ราชวงศ์ หมิงไปแล้วนั่นเอง

หมัดไท้เก๊ก แห่ง บู๊ตึ้ง

..เคล็ด สี่ตำลึงปาดพันชั่ง(四两拨千斤 "ซื่อเหลี่ยงปัวเชียนจิน") ค่อนข้างจะเป็นวิชาที่พื้นฐานคล้ายๆกับว่าใครๆก็ใช้ได้ รูปแบบก็คือปัดวิชาต่อสู้ต่างๆของ ฝ่ายตรงข้างให้พ้นไปจากตัวผู้ใช้

..ในเรื่อง "จิ้งจอกอหังการ" เตี่ยปั่วซัว ได้กล่าวเกี่ยวกับเคล็ดไท้เก็ก ให้ ตั้งอู้ฟังว่า "วงจรรวมยากเข้าใจปรุโปร่ง สอดคล้องกลมกลืนไม่สิ้นสุด  ล่อศัตรูเข้าสู่วงจรรวม สี่ตำลึงสามารถปาดพันชั่ง เคลื่อนไหวมือเก้าตั้งตรงขวาง วงจรในฝ่ามือไม่เคยผิดพลาด ต้องการทราบความลับของวงจร ใช้ถูกต้องเป็นสัมฤทธิผล" (จิ้งจอกอหังการ เล่ม 1 หน้า 163)...อีกช่วงหนึ่งคือ

"เราใช้พลังรูปวงจร ผลักดันศัตรูเข้าสู่วงจรของเรา เมื่อถึงเวลาคิดบังคับไปซ้ายก็ไปซ้าย บังคับไปขวาก็ไปขวา จากนั้นใช้พลังแผ่วเบา สี่ตำลึงปาดกำลังพันชั่งของศัตรู ควรใช้พลังตั้งทำลายศัตรูทอดขวาง เครื่องตัดสินผลแพ้ชนะของหมัดไท้เก็กอยู่ที่ค้นหาจุดเริ่มเล็งจู่โจมใส่จุดอันถูกต้อง" (จิ้งจอกอหังการ เล่ม 1 หน้า 164)



เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย:
2  เมล็ดข้าว  =  1 กล่อม
2  กล่อม  =  1 กล่ำ
2 กล่ำ  = 1 ไพ
4 ไพ  = 1 เฟื้อง
2 เฟื้อง  =  1 สลึง
4 สลึง =  1 บาท
4 บาท  =  1 ตำลึง
20  ตำลึง  =  1 ชั่ง
100  ชั่ง =  1 หาบ

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง "ช่วงชิง"

..ว่าด้วยเรื่อง "ช่วงชิง"


.ช่วงชิง วิ่งราว!

..ในนิยายของปู่กิม ได้เขียนเป็นช่วงเวลาต่างในอ้างอิงตาม ราชวงศ์หลายๆช่วง ตัวอย่างเช่น แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (天龙八部 "เที้ยนหลงป๊ะปู้") , มังกรหยก (射雕英雄传 "เฉ่อเตียวอิ้งฉงจ้วน") ที่อยู่ในช่วงราชวงศ์ซ่ง หรือ ซ้อง(宋朝 "ซ่งฉาว") หรือ กระบี่เย้ยยุทธจักร (笑傲江湖 "เชี่ยวเอ้าเจียงหู") ที่เรื่องราวเกิดในช่วงราชวงศ์หมิง หรือ เหม็ง(明朝 "หมิงฉาว") ส่วนใหญ่แล้วถ้านับจาก 15 เรื่องทั้งหมดของปู่กิมย้ง นับได้ประมาณ 7 เรืองทีเดียวที่อยู่ในช่วงราชวงศ์ชิง( 清朝 "ชิงฉาว")

..วันนี้จะกล่าวถึงสามในสี่ที่มีเนื้อเรื่องอ้างอิงกัน นั่นก็คือ "อุ้ยเซี่ยวป้อ" , "จิ้งจอกอหังการ" และ "จิ้งจอกภูเขาหิมะ" อย่างที่บอกคือ สามในสี่ อีกเรื่องนึงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกันก็คือ เพ็กฮวยเกี่ยม (เจ้าของบล็อค ยังไม่ได้อ่าน) โดยทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่อยู่ในช่วงของราชวงศ์ชิงนั่นเอง

โง้วซำกุ่ย

ลี้จื่อเซ้ง

..Flash Back กลับไป..ต้องทราบก่อนว่าราชวงศ์ชิงสามารถสถาปนาใน แผ่นดินชาวฮั่นได้เพราะ คนสำคัญ สองคนนั้นคือ ลี้จื่อเซ้ง หรือ หลีซื่อเฉิง(李自成) และ โง้วซำกุ่ย หรือ อู๋ซันก้วย (吳三桂)

..ข้อมูลคร่าวๆของ ลี้จื่อเซ้ง ผู้นำกบฎชาวนาในยุคปลายราชวงศ์หมิง สามารถอ่านได้ในบทความก่อนหน้านี้ "..ว่าด้วยเรื่อง พรรคฟ้าดิน" ส่วน โง้วซำกุ่ย นั้นเป็นใครกัน เค้าคือ แม่ทัพในราชวงศ์หมิง ผู้ซึ่งเปิดประตูด่าน ชันห่ายก๊วน (山海关) ซึ่งเป็นด่านทางตะวันออกของกำแพงเมืองจีน ให้พวกทหารแมนจูบุกเข้าปักกิ่งเป็นเหตุให้ราชวงศ์หมิงล่มสลาย

..โดยภายหลังที่ ลี้จื่อเซ้ง นำกำลังปฏิวัติ ฮ่องเต้ ฉงเจิน(崇祯)จนพระองค์ต้องผูกพระศอสวรรคตไป บริวารลี้จื่อเซ้งจับตัว เฉินหยวนหยวน(陈圆圆) นางกำนัลคนงามของ โง้วซำกุ่ย ไปด้วย. โง้วซำกุ่ยความจริงยอมสวามิภักดิ์แล้ว แต่พอทราบว่า เฉินหยวนหยวน ถูกจับตัวไปเป็นตัวประกัน ก็ร้องขอกำลังทหารจากแมนจู ชักนำแมนจูเข้าด่านมา

ด่านชันห่ายก๊วน(山海关)

..ลี้จื่อเซ้ง ยกทัพออกไปรบกับ โง้วซำกุ่ยแต่ดันเจอกับ ทัพของแมนจูที่เข้มแข็ง ทัพของ ลี้จื่อเซ้งจึงแตกพ่ายไปตามประวัติศาสตร์มีหลายข้อ บอกว่า ลี้จื่อเซ้ง เสียชีวิตไปในศึกครั้งนั้น บ้างก็บอกว่า ถูกประชาชนรุมสังหาร หรือไม่ก็ หนีไปบวชเป็นหลวงจีน หรือว่าถูก องครักษ์สังหาร

....

หนังสือ อุ้ยเซี่ยวป้อ ,จิ้งจอกอหังการ และ จิ้งจอกภูเขาหิมะ ฉบับพิมพ์ภาษาไทย

..แล้วนี่เกี่ยวข้องอย่างไรกับ อุ้ยเซี่ยวป้อ , จิ้งจอกอหังการ และ จิ้งจอกภูเขาหิมะ กัน...ไม่มีอะไรมากแค่หาเรื่องเขียนให้มันดูไม่น้อยเกินไปแค่นั้นเอง (แค่นเสียงหัวเราะ)
..กล่าวคือ บทบาทของ โง้วซำกุ่ย และ ลี้จื่อเซ้ง มาปรากฎใน นิยายทั้งสามเรื่องนี้ โดยในเรื่อง วิเศษน้อย..อุ้ยเซี่ยวป้อ นั้น โง้วซำกุ่ยที่เป็นถึง ท่านอ๋องเจ้าพิชิตประจิม ศัตรูตัวฉกาจที่คิด ทรยศกบฎ ต่อ ราชสำนักชิง ของ กษัตริย์คังซี ส่วน ลี้จื่อเซ้งก็ปรากฎตัวเช่นกัน เป็นหลวงจีน หลังจากในเนื้อเรื่องกล่าวกันว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเกี่ยวพัน กับ เฉินหยวนหยวน ซึ่งเป็นแม่ของ หนึ่งในภรรยาของ อุ้ยเซี่ยวป้อ นาม "อาคอ"

..ส่วนในเรื่อง จิ้งจอกทั้งสองเรื่อง (เป็นเนื่อเรื่องต่อเนื่องกัน สามารถอ่านเรื่องไหนก่อนก็ได้) บทบาทของ โง้วซำกุ่ย และ ลี้จื่อเซ้ง อาจจะไม่เยอะมีการกล่าวถึงไม่กี่คำ..โดยเมื่อครั้งที่ลี้จื่อเซ้งถูกโง้วซำกุ่ย ชักนำกองกำลังนอกด่านเข้าสู่ตงง้วนนั้นได้ถูกปิดล้อม ในขณะที่อับจนหนทางองค์รักษ์คนสนิทของลี้จื่อเซ้ง แซ่โอ้ว ฉายาจิ้งจอกเหินฟ้า ได้ออกอุบายโดยนำศพของทหารมาปลอมแปลงเป็นศพของลี้จื่อเซ้ง แล้วยอมสวามิภักดิ์ต่อโง้วซำกุ่ย ในขณะที่ลี้จื่อเซ้ง ได้หนีไปเร้นกายยังหุบเขาไกลตา ภายหลังนั้นจิ้งจอกเหินฟ้าได้พยายามยุแยงให้โง้วซำกุยขัดแย้งกับราชสำนักแมนจู แต่น่าเสียดายที่องค์รักษ์อีกสามคนของลี้จื่อเซ้ง อันได้แก่ แม่ทัพเมี้ยว ฮ่วม และฉั้ง ที่สาบานเป็นพี่น้อง กับ แม่ทัพแซ่โอ้ว ต้องเข้าใจผิดจิ้งจอกเหินฟ้า จนเป็นเหตุให้จิ้งจอกเหินฟ้าถูกทั้งสาม ฆ่าตาย จนเป็นเหตุให้ ทั้ง สี่ตระกูล โอ้ว เมี้ยว ฮ่วม ฉั้ง ต้องประหัตประหารกัน หลายช่วงรุ่นจนกระทั้งมาถึงรุ่น ของ โอ้วฮุย หรือ จิ้งจอกภูเขาหิมะ นั่นเอง


ส่งท้าย
..มีคำกล่าวว่า สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ แมนจูเข้าด่านมาได้นั่นคือ เฉินหยวนหยวน หรือ ตั้งอี่อี้ (陈圆圆) ทีได้กล่าวไปข้างต้น โดยที่ นางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งใน สมัยนั้นเลยทีเดียว โดยคำกล่าวมักกล่าวอ้างว่า เสน่ห์ของนางทำให้ โง้วซำกุ่ย และ ลี้จื่อเซ้ง ถึงกับรบพุ่งกันเลยทีเดียว นั่นก็จะตรงกับเรื่องในตอนนี้ว่า "ช่วงชิง" (หญิงงาม)
..

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง พรรคฟ้าดิน

..ว่าด้วยเรื่อง พรรคฟ้าดิน

พรรคฟ้าดิน(สลาย) ไม่ใช่ล่ะ!!

..หลังจากที่ได้อ่านอุ้ยเซี่ยวป้อ (วิเศษน้อย) จบไปพักนึงแล้ว และช่วงนี้ไม่ได้เขียนบล็อคออกมาพักนึงแล้วก็เลยคิดว่าน่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับ นิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ของท่านปู่กิมดี คิดไปคิดมา เห็นในโทรทัศน์ข่าวเรื่องการเมือง มีพรรคโน้นพรรคนี้วุ่นวายไปหมด..เอาหล่ะตกลงใจเขียนเรื่อง พรรคดีกว่า ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าใน อุ้ยเซี่ยวป้อ มีพรรคอยู่พรรคนึงในช่วงยุคสมัยต้นราชวงศ์ชิง อันเป็นยุคหลักในนิยายเรื่องนี้..นั่นก็คือ พรรคฟ้าดิน หรือ สมาคมฟ้าดินนั่นเอง

อุ้ยเซี่ยวป้อ หนังใหญ่แสดงโดย โจวซิงฉือ

..อะไรคือ พรรคฟ้าดิน, หลายท่านคงเคยได้ยินถ้าได้ดูหนังจีนหลายๆเรื่องที่ตัวเองไว้ผมเปีย!? (นั่นหมายความว่าเป็นยุคของราชวงศ์ชิง หรือ แมนจู) พรรคฟ้าดินมักจะถูกเอ่ยอ้างบ่อย อย่างเช่นในเรื่อง หวงเฟยหง เป็นต้น

..ต้องบอกก่อนว่าก่อนหน้าที่ราชวงศ์ชิง จะครองแผ่นดิน ราชวงศ์ก่อนหน้านี้คือ ราชวงศ์หมิง(เหม็ง)ซึ่งถือเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ของชาวฮั่น ส่วนราชวงศ์ชิงนั้นเป็นเชื้อสายชาวแมนจู ซึ่งชาวฮั่นมองว่าเป็นพวกชาวต่างชาติ
การแต่งกายช่วงราชวงศ์ชิง(แมนจู)

แผ่นดินช่วงราชวงศ์หมิงครองราช

..เรื่องมันเกิดตั้งแต่ปลายราชวงศ์หมิงซึ่งว่ากันว่าเป็นยุคตกต่ำของชาวฮั่น..มีการลุกฮือของประชาชนขึ้นต่อสู้กับราชสำนักอยู่ไม่ขาด โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุภัยทางธรรมชาติทำให้ไม่สามารถเก็บผลผลิตทางการเกษรได้ แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังขูดรีดภาษีอย่างมากมาย..หลีซื่อเฉิง แม่ทัพกบฎชาวนาได้ยกทัพเข้าตีกรุงปักกิ่ง และโค่นการปกครองของราชวงศ์หมิงลง จนจักรพรรดิฉงเจิน กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์หมิงผูกพระศอ(คอ)ใต้ต้นไม้สิ้นพระชนม์ที่เชิงเขาเจียงซาน

..จากนั้นทหารแมนจูได้โอกาสเข้าโจมตีทหารชาวนา จนชนะในที่สุดและเข้ายึดครองประเทศจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้น..ดังนั้นช่วงเริ่มต้น จึงเกิดการต่อต้านจาก ชาวฮั่นต่อแมนจูที่มาปกครองแผ่นดินจีน

..โดยพรรคฟ้าดิน( เที้ยนตี้หุ้ย Tiandihui,天地會) หรือ หงเหมิน(Hongmen 洪门) ได้ก่อกำเนิดขึ้นเป็น กลุ่มคนที่จงรักภักดีใน ราชวงศ์หมิง(เหม็ง)..โดยมีม้อตโต้ประจำตัวคือ "反清复明 (ฝานชิงฟู่หมิง)" หรือ "โค่นชิง ฟื้นฟูหมิง" นั่นเอง โดยเป็นสมาคมลับๆโดยหลบซ่อนจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในสมัยนั้น

..ว่ากันว่าช่วงแรกของราชวงศ์ชิง พรรคฟ้าดินยังไม่ถือกำเนิดขึ้น แต่มาก่อตั้งในรัชกาล จักรพรรดิคังฮี (คังซี) โดยเกิดเหตุการณ์ล้อมสังหารหลวงจีนทั้ง 128 ณ วัดเส้าหลินของทหารชิง และมีหลวงจีนหนีรอดไปได้ 5 องค์ และหลวงจีนทั้ง 5 องค์นี้ได้ไปจับมือกับ กลุ่มจงรักภักดีใน ราชวงศ์หมิง ก่อตั้งเป็น "Heaven and Earth Society" ขึ้น

..พรรคฟ้าดินมี คำสาบาน 36 ข้อ ข้อห้ามทั้ง 10 บทลงโทษทั้ง 10 หลักการทั้ง 21 ข้อ (อ้างอิงจาก อุ้ยเซี่ยวป้อ เล่ม 1 หน้า 350)
สมาคมอั้งยี่

เกร็ดเล็กๆน้อยๆ: คำว่า หงเหมิน 洪门 เดิมคือ ฮั่นเหมิน 漢门 แปลว่าประตูชาวฮั่น โดยตัว ตัดคำ (ตง คือ จีน) และ(โท่ว คือ ผืนดิน) ตรงกลางออก กลายเป็น (หง สำเนียงแต้จิ๋วอ่าน อั้ง) นั่นหมายความว่า ชาวฮั่นถูกแมนจูตัดยึดครองผืนดินจีนออกไป (ดังปรากฎใน อุ้ยเซี่ยวป้อ เล่ม 1 หน้า 350 "คำอั้ง(洪) ในสำนักอั้งเรา แท้จริงมาจากคำ "ฮั่น" ในชาวฮั่นเรา  แผ่นดินของชาวฮั่นเราถูกแมนจูยึดครอง สูญเสียปฐพี ในคำ "ฮั่น" ลบคำ "โท่ว"(ผืนดิน) ไป จึงกลายเป็น "อั้ง" แล้ว") พูดง่ายๆก็คือ สมาคมฟ้าดิน ก็คือ สมาคมอั้งยี่นั่นเอง

ซ้าย: จักำพรรดิคังซี ,กลาง: จักรพรรดิยงเจิ้ง, ขวา: จักรพรรดิเฉียนหลง

อย่างไรก็ตามราชสำนักชิงได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมการทำไร่ไถนา ขยาย พท.เพาะปลูก และลดหรือเลิกภาษีของชาวไร่ชาวนาตามสมควรทำให้สังคมจีนในสมัยนั้นพัฒนาก้าวหน้า กลางศตวรรษที่ 18 เศรษฐกิจสังคมศักดินายุคชิงได้พัฒนามากสู่ระดับสูงสุด ได้รับสมญาว่าเป็น "สมัยที่เจริญรุ่งเรือง คังยงเฉียน (หมายถึงจักรพรรดิ คังซี,ยงเจิ้ง,เฉียนหลง)"

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง ชอลิ้วเฮียง ตอน กล้วยไม้เที่ยงคืน


..ว่าด้วยเรื่อง ชอลิ้วเฮียง ตอน กล้วยไม้เที่ยงคืน

ดอกกล้วยไม้ ตอนกลางคืน..แหม่

..หลายท่านเริ่มบ่นเจ้าของบล็อคแล้วว่าทำไมเขียนแต่เรื่องของท่านกิมย้ง นี่ลืมไปแล้วเหรอว่ายังมี มังกรโบราณนาม โกวเล้งที่เคียงคู่มากับท่านกิมอยู่

..ส่วนตัวเองมีหนังสือของโกวเล้งอยู่เหมือนกัน แต่ข้าพเจ้าเองยังมิได้เปิดผนึกพลาสติกใสออกพลิกอ่านดู วันนี้ได้มีโอกาสเปิดพลิกอ่านดู พบว่าในหน้าแรกของ ชุดชอลิ้วเฮียง เล่ม 1 "กลิ่นหอมกลางธารเลือด" (ฉบับปรับปรุงใหม่) ปรากฎข้อความดังนี้ในหน้า "คำนำสำนักพิมพ์"...ว่า ชุด "ชอลิ้วเฮียง" มีทั้งสิ้นเจ็ดตอน..
ชุด "ชอลิ้วเฮียง" มีทั้งสิ้นเจ็ดตอน!!!

..แล้วเล่มนี้มันหมายความว่าไงครับ!!

ชอลิ้วเฮียง เล่ม 8 ตอน กล้วยไม้เที่ยงคืน

..มีคนวิจารณ์ว่า ตอนนี้ของ ชอลิ้วเฮียงนั้น หาใช้ โกวเล้งเป็นคนเขียนไม่ หากแต่เป็นนักเขียนท่านอื่นได้เขียนแทน ซึ่งก็ไม่น่าจะแปลก เพราะ กิมย้งเองก็เคยให้คุณ เหง่ยคัง เขียน 8 เทพอสูรมังกรฟ้าแทนในช่วงที่ตนเองออกจากฮ่องกง โดยเขียนแทน 4 หมื่นกว่าตัว(ภาษาจีนนับเป็นตัวอักษร) ดังแสดงในคำตามของ 8 เทพอสูรมังกรฟ้า เล่ม 5.

..หรือแม้แต่ชุด หกเรื่องสยองขวัญของ โกวเล้ง เอง เรื่องหลังๆในชุดนี้ก็เป็นการแต่งร่วมกันบุคคลท่านอื่น

..ยังมีคำวิจารณ์ที่ว่า โกวเล้งเขียนตอนนี้ตอนเมา..อันนี้ข้าพเจ้าคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้

..นอกจาก ชอลิ้วเฮียงตอนนี้ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของชุด ซึ่งไปพ้องกับ เรื่องสุดท้ายของ อีกสองชุด คือ ชุด เล็กเซียวหงส์ กับ มีดบินของลี้น้อย(ลี้คิมฮวง) ที่ตอนสุดท้ายของชุด อันได้แก่ กระบี่พิโรธ และ มีบินกรีดฟ้า นั้นว่ากันว่าเลวร้ายมาก(ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน)

..โดยทั้งสามชุดนี้ เป็นนิยายแนวหน้าของโกวเล้งทั้งหมดแต่เป็นคำสาปเหมือนกันทั้งหมด 5555

..จริงๆแล้วถ้ามองในแง่บทประพันธ์ความเก๋า เรื่องนี้เจ๋งสุดยอดแต่ที่หลายคนเกลียดเพราะเนื้อหามากกว่าครับ ประมาณว่ากิมย้งกับ หวงอี้ไม่กล้าแต่งแบบนี้แน่นอนครับ เพราะอย่างที่ทราบๆกันว่า โกวเล้งนั้นมีพัฒนาการรูปแบบการแต่งของนิยายเป็นหลายๆช่วง และหลายๆแนว โกวเล้งคงอยากเล่นสนุกอะไรซักอย่าง..แต่ถ้าจะไปถามท่านโกวเล้ง ก็คงต้องเป็นที่ปรโลกแล้วครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง "ต๊กโกวคิ้วป่าย" part 1.1



..ว่าด้วยเรื่อง "ต๊กโกวคิ้วป่าย" part 1.1

ต๊กโกวคิ้วป่าย (โดย XES1983)

..ช่วงเวลาที่พอจะมี "Room" สำหรับมาเขียนเรื่องต่อซักเรื่อง มานั่งฟังเพลงของ "Usher" อ่านแบบภาษาจีนได้ว่า
"亚瑟小子" ย่าเซ่อเซียวสือ-อ่านถูกป่าวหว่า(ช่างมัน) เพลง confessions part 1 แต่มันก็มี confessions part 2 อยู่ด้วย

..พอดีกับอ่าน "อุ้ยเซี่ยวป้อ" ได้สามเล่ม ก็ปรากฎ ชื่อ "ต๊กโกวคิ้วป่าย" หรือ Dugu Qiubai ฉายา "Sword Devil" เข้าให้ นอกจากที่เคยปรากฎชื่อ ใน มังกรหยกภาค 2 และ กระบี่เย้ยยุทธจักรกันมาแล้ว

..แน่นอน สำหรับ โดดเดี่ยวแสวงพ่ายผู้นี้ เป็นสุดยอดของตัวละครในจักรวาลกิมย้ง ที่ไม่เคยปรากฎตัวหรือมีบทพูดเลยซักคำ ถือได้ว่าเป็นตำนานแห่งนักดาบกันเลยทีเดียว

..มาดูกันว่า การปรากฎตัว (ชื่อ) ครั้งล่าสุดและคาดว่าเป็นครั้งสุดท้ายในจักรวาลกิมย้ง (เพราะ อุ้ยเซี่ยวป้อ เป็นนิยายเรื่องสุดท้ายของท่านปู่กิม) จะเป็นอย่างไร

..ชื่อ ต๊กโกวคิ้วป่าย ผุดขึ้นมาใน หนังสือ อุ้ยเซี่ยวป้อ ฉบับที่ 3 (พิมพ์ครั้งล่าสุด ปี 2554) แปลโดย น.นพรัตน์ บทที่ 23 หน้า 140 ตอนที่หลวงจีนเท้งกวน หัวหน้าตึกปัญญาบารมีของวัดเสียวลิ้มยี่(เส้าหลิน) หลานศิษย์ของ อุ้ยเซี่ยวป้อ ต่อสู้กับ แม่นางชุดเขียว (ไม่สปอยล์น่ะครับ)

..นอกจากนี้ไม่ใช่แค่ ต๊กโกวคิ้วป่ายที่มีชื่อในตอนนี้ แต่ยังมี เหล็งฮู้ชง เข้ามาอีกคนด้วย!! เนื้อความดังกล่าวบรรยายไว้ว่า "เพลงหมัดเท้าของหญิงสาวชุดเขียวยิ่งมายิ่งวุ่นวาย หลวงจีนเท้งกวนต้องครุ่นคิด 'คนโบราณบอกว่าเมื่อฝึกฝีมือถึงขั้นสุดยอด ก็เฉกเช่นเขากวางเลียงผาไม่มีร่องรอยให้สืบสาว ฟังว่าในราชวงศ์ก่อนมีบุคคลชื่อ ต๊กโกวคิ้วป่าย ยังมีบุคคลชื่อ เหล็งฮู้ชง ยึดหลักไร้กระบวนท่าเอาชนะกระบวนท่า พิชิตไปโดยไร้ผู้ต่อต้าน หรือว่า...หรือว่า..' "
เหล็งฮู้ชง

..ข้อสังเกตจากข้อความข้างต้น นั่นหมายความว่า กระบี่เย้ยยุทธจักร ที่มี เหล็งฮู้ชงเป็นพระเอก เป็นช่วง Timeline ของราชวงศ์ หมิง ซึ่งเรื่องนี้กิมย้งไม่ได้ใส่ Timeline เอาไว้ เพราะในเรื่อง อุ้ยเซี่ยวป้อ เป็นยุคสมัย ราชวงศ์ชิง(แมนจู) หลังหมดยุคราชวงศ์ หมิง และปลายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร เอี้ยงเอี้ยง ได้มอบกระบี่ของเตียซำฮงคืนให้กับเจ้าสำนักบู๊ตึ้ง ก็แสดงว่ากระบี่เย้ยยุทธจักรต้องอยู่หลังเรื่องดาบมังกรหยก ซึ่งเป็นช่วงปลายราชวงศ์หยวนต่อต้นราชวงศ์หมิง ..แต่ว่าต๊กโกวคิ้วป่าย เป็นยอดฝีมือที่มีอายุอยู่ในช่วงก่อนมังกรหยก ภาค 2 เพียง 80 ปีเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแสดงว่าต้องเป็นช่วงระหว่างแปดเทพอสูรมังกรฟ้า กับ มังกรหยก ภาค 1คือราชวงศ์ซ่ง

..ตกลงว่าหลวงจีนเท้งกวน แก หลงๆลืมหรือไง(อายุก็ 70 แล้วหนิ) ถึงได้บอกว่า "ฟังว่าในราชวงศ์ก่อนมีบุคคลชื่อ ต๊กโกวคิ้วป่าย ยังมีบุคคลชื่อ เหล็งฮู้ชง" สองคนนี้จะอยู่ในช่วง Timeline เดียวกันได้ไงหว่า แกควรจะพูดว่า "ฟังว่าในราชวงศ์ก่อนก่อนก่อนมีบุคคลชื่อ ต๊กโกวคิ้วป่าย และในราชวงศ์ก่อนยังมีบุคคลชื่อ เหล็งฮู้ชง"   555555

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง 5 ขุนเขากระบี่


ว่าด้วยเรื่อง 5 ขุนเขากระบี่

ห้าบรรพตกระบี่

..หากท่านทั้งหลายได้อ่านผ่านตามาบ้างในนิยายยอดฮิต "กระบี่เย้ยยุทธจักร" หรือ "เดชคัมภีร์เทวดา", "ผู้กล้าหาญคะนอง" ยอมต้องทราบว่า "ห้าขุนเขา" หรือ "ห้าบรรพต" เป็นสำนักกระบี่ ที่หมายถึง ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 ลูกของจีน เป็นสัญลักษณ์ทั้ง ห้าทางลัทธิเต๋า โดย ความเชื่อสมัยอดีต ฮ่องเต้จะเดินทางมาสักการะขุนเขาทั้งห้า เพราะเปรียบเสมือนเป็นที่อยุ่ของเซียน ประจำทั้ง 5 ทิศ คอยคุ้มครองแผ่นดินอยู่

..โดยขุนเขาทั้ง 5 จะแทนด้วยธาตุทั้ง 5 คือ ไม้ ทอง ไฟ ดิน น้ำ

..1. ซงซาน (嵩山) หรือ ซงซัว ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นจุดศูนย์กลางของทั้ง 5 บรรพต สัญลักษณ์ประจำธาตุดิน หมายถึงจุดเปลี่ยนแปลงของฤดูทั้ง 4 โดยมี สีเหลือง เป็นสีสัญลักษณ์
ซงซัว

..2. หวาซาน (华山) หรือ ฮั่วซัว ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็นบรรพตแห่งทิศตะวันตก สัญลักษณ์ประจำธาตุทอง หมายถึงฤดูใบไม้ร่วง โดยมี สีขาว เป็นสีสัญลักษณ์
ฮั่วซัว

..3. เหิงซาน (恒山) หรือ เห็งซัว,เฮ้งซัว ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็น บรรพตแห่งทิศเหนือ สัญลักษณ์ประจำธาตุน้ำ หมายถึงฤดูหนาว โดยมี สีดำ เป็นสีสัญลักษณ์
เห็งซัว

..4. เหิงซาน (衡山) หรือ ฮ่วงซัว ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็น บรรพตแห่งทิศใต้ สัญลักษณ์ประจำธาตุไฟ หมายถึง ฤดูร้อน โดยมี สีแดง เป็นสีสัญลักษณ์
ฮ่วงซัว

..5. ไท้ซาน (泰山) หรือ ไท้ซัว ตามสำเนียงแต้จิ๋ว เป็น บรรพตแห่งทิศตะวันออก สัญลักษณ์ประจำธาตุไม้ หมายถึงฤดูใบไม้ผลิ โดยมี สีเขียว เป็นสีสัญลักษณ์
ไท้ซัว

.............................................

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจาก กระบี่เย้ยยุทธจักร


..เมื่อรู้จัก 5 ขุนเขากันแล้ว ตอนนี้ก็มารู้จัก เจ้าสำนัก (ที่ปรากฏ) ในนิยาย กระบี่เย้ยยุทธจักรกันบ้าง ได้แก่

จ้อแน้เซี้ยง แห่ง ซงซัว
งักปุกคุ้ง แห่ง ฮั้วซัว
เตี่ยเอ้ยซือไถ้ แห่ง เห็งซัว
มกไต้ซิงแซ แห่ง ฮ่วงซัว
เทียนมึ้งเต้าหยิน แห่ง ไท้ซัว

มกไต้ซิงแซ (ชุดดำ) , งักฮูหยิน , งักปุกคุ้ง(ชุดฟ้า) ภาพจาก The Swordsman 2013

เทียนมึ้งเต้าหยิน (ชุดน้ำเงิน), จ้อแน้เซี้ยง (ชุดแดง), เตี่ยแจ๋ซือไถ่ , เตี่ยเอ้ยซือไถ่ (ชุดส้ม)
..........................................

..จับผิดกันหน่อยสนุกๆ จาก The Swordsman 2013 (กระบี่เย้ยยุทธจักร 2013)


..จากที่เราทราบว่า แต่ละสำนักจะมีสำชุดตาม ขุนเขาแต่ละลูก แต่ใน ซีรี่ย์ ล่าสุด ของ กระบี่เย้ยยุทธจักร จะเห็นว่า ในภาพ ศิษย์ของ สำนัก ไท้ซัว จะสวมชุดสี น้ำเงิน แทนที่จะเป็นเขียว , ศิษย์สำนักซงซัวสวมสีแดง แทนที่จะเป็นสีเหลือง, ฮ่วงซัวสวมสีดำ แทนที่จะเป็นแดง และ เห็งซัวสวมสีชมพู แทนที่จะเป็นดำ..

..มีแค่ ฮั่วซัวเท่านั้นที่พอกล้อมแกล่ม เป็น ฟ้าขาว

..ส่วนเจ้าสำนักทั้ง 5 ก็เช่นกัน (เอาหน่าขำๆล่ะกัน อย่าซีเรียส ขนาด แม่ชีสำนัก เห็งซัว ยังไว้ผมเลย!)

อ้างอิงบางส่วนจาก กระบี่เย้ยยุทธจักร ฉบับแปล โดย น.นพรัตน์


"จ้อแนเซี้ยง สวมชุดยาวสีเหลือง นำศิษย์ยี่สิบคนเดินลงมาหลายก้าวประสานมือต้อนรับ เหล็งฮู้ชงยามนี้แม้เป็นเจ้าสำนักเห็งซัว แต่ก่อนนี้เรียกหามัน จ้อซือแป๊ะจะอย่างไรเป็นผู้เยาว์ ดังนั้น น้อมกายคารวะกล่าว...." (เล่ม 4 บท 32)

"เหล่าศิษย์เห็งซัวคาดว่าไม่มีคนขึ้นมาอวยพร จึงไม่จัดเตรียมอาหารและที่อยู่สำหรับแขกเหรื่อ ทั้งหมดเพียงทำความสะอาด ห้องหับหลายสิบหลัง ตัดเย็บ รองเท้าใหม่ แต้งักและพวกยังตัดเย็บชุดยาวดำให้กับเหล็งฮุ้ชงตัวหนึ่ง เพื่อสวมใส่เมื่อตอนรับตำแหน่ง
ห้าสำนักกระบี่ตั้งอยู่บนภูเขาเลื่องชื่อห้าลูกห้าทิศ ประกอบด้วย สำนักไท้ซัวซึ่งตั้งอยู่บนตังงัก (บรรพตตะวันออก) ฮั้วซัวซึ่งตั้งอยู่บนไซงัก (บรรพตระวันตก) เห็งซัวซึ่งตั้งอยู่บน ปักงัก (บรรพตอุดร) ฮ่วงซัวซึ่งตั้งอยู่บนน่ำงัก (บรรพตทักษิณ) ซงซัวซึ่งอยู่บนตงงัก (บรรพตกลาง) สีเสื้อของสำนักเห็งซัวเป็นสีดำ.." (เล่ม 3 บท 29)



วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง "ต๊กโกวคิ้วป่าย"


..ว่าด้วยเรื่อง "ต๊กโกวคิ้วป่าย"

ร้านกระบี่โอชาเบเกอรี่ จังหวัดกระบี่!??


..จอมยุทธ์ผุ้นี้เป็นที่กล่าวถึงเป็นอย่างมากว่าเป็นสุดยอดในไต้หล้าแห่งจักรวาลกิมย้ง นามของเค้าคือ "ต๊กโกวคิ้วป่าย" เคล็ดวิชากระบี่ของเค้านั้นยากหาใครเทียบเคียงได้

..ว่ากันตามจริง ต๊กโกวคิ้วป่าย หรือ เดียวดายแสวงพ่าย ปรากฎตัว(ชื่อ) สองช่วงในจักรวาลกิมย้ง คือ ในเรื่องมังกรหยกภาคสอง เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี อีกครั้งคือ ในเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร
ซ้าย: เอี้ยก้วย  ขวา: เล่งฮู้ชง

..แน่นอนว่า พระเอกของทั้งสองเรื่องเอี้ยก้วย และ เล้งฮู้ชง ได้เรียนเคล็ดวิชาที่ตกทอดมาจากต๊กโกวคิ้วป่าย จนกลายเป็นยอดฝีมือในเรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ เก้ากระบี่เดียวดาย(เก้ากระบี่ต๊กโกว) ที่ เล้งฮู้ชงได้สืบทอดมาจาก ฟงชิงหยาง(ฮวงเช็งเอี้ยง) ปรมาจารย์สายกระบี่ในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรอีกที

..อ้างอิงตามนิยาย เอี้ยก้วยที่ถูกชักนำโดยพี่อินทรี ได้เข้าไปพบกับถ่ำที่มีการสลัก อักษรสามแถวว่า "ท่องทะยานยุทธจักรสามสิบกว่าปี สังหารศัตรูอริราช โค่นวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ทั่วทั้งโลกหล้าไร้คู่มือต่อต้าน ยามอับจนปัญญา ได้แต่เร้นกายพำนักในหุบเขาลึก มีอินทรีเป็นเพื่อน โอ้อนิจจา ในชีวิตคิดแสวงหาคู่มือสักคนยังไม่พบพาน นับเป็นความปล่าวเปลี่ยวอ้างว้างสุดทนทาน"..ตอนท้ายลงนาม "เกี่ยมม้อ (กระบี่อสูร) ต๊กโกวคิ้วป่าย" นั่นเป็นครั้งแรกที่ปรากฎชื่อ "ต๊กโกวคิ้วป่าย" ในจักรวาลกิมย้ง

..หลังจากนั้นอีก หลังจากถูกก๊วยพู้ฟันแขนขาด เอี้ยก้วยก็กลับไปหุบเขา(ถ้ำ)แล้วพบกับ "เกี่ยมท่ง" (สุสานกระบี่) สลักอักษรบนหินไว้สองแถวว่า "กระบี่อสูรต๊กโกวคิ้วป่ายเมื่อพิชิตทั่วแผ่นดินไร้ผู้ต่อต้านจึงฝังกระบี่ไว้สถานที่นี้ โอ้อนิจจา เหล่าผู้กล้าอับจนวิธี เสียทีที่กระบี่คมกล้า เป็นที่น่าอนาจใจ"

..ดาบจากการ์ตูน Berserk ก็ได้แนวความคิดจากระบี่เหล็กนิลดำของ ต๊กโกว
............................

..ที่นั่นเอี้ยก้วยได้พบ กระบี่ 4 เล่ม (ที่จริง 2 เล่ม เล่มที่สองใช้แผ่นหินวางเป็น Dummy ไว้) อ้างจากนิยายดังนี้

1. กระบี่เล่มแรก "เกรี้ยวกราดรุนแรง ทำลายล้างทุกสิ่ง เมื่อวัยหนุ่มฉกรรจ์ ใช้ชิงชัยกับเหล่าผู้กล้า แคว้นฮ่อซวก"
2. กระบี่เล่มสอง "กระบี่อ่อนกุกลาบหนูม่วง ใช้ก่อนอายุสามสิบ พลั้งมือทำร้ายผู้กล้าฝ่ายธรรมะ ถือเป็นสิ่งอัปมงคล โยนทิ้งลงสู่ก้นหุบเหว
3. กระบี่เล่มสาม "กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล้ว ฝีมือการสร้างไม่ประณีต ก่อนอายุสี่สิบพิชิตทั่วแผ่นดิน"
4.กระบี่เล่มสี่ "หลังอายุสี่สิบปี ไม่ยึดติดกับวัตถุ แม้แมกไม้ไผ่หินล้วนถือเป็นกระบี่ได้  นับแต่นี้พากเพียรฝึกปรือ เริ่มเข้าสู่ห้วงไร้กระบี่เหนือกว่ามีกระบี่"

............

..คาดว่าเคล็ดวิชา เก้ากระบี่เดียวดาย (เก้ากระบี่ต๊กโกว) ของ เล่งฮู้ชงจะเป้นเคล็ดวิชาที่ ต๊กโกวคิ้วป่าวใช้ในกระบี่เล่มแรก เพราะเคล็ดวิชา เก้ากระบี่เดียวดายคือ "มีแต่รุกไม่มีถอย ทุกกระบวนท่าล้วนบุกจู่โจมจู่โจมใส่ตำแหน่งที่ศัตรูมิอาจต้านรับได้ ตนเองย่อมมิต้องตั้งรับแล้ว" ซึ่งเป็นพวกฉกรรจ์ของ ต๊กโกวคิ้วป่าย

..ส่วนกระบี่เล่มสองที่ว่า "พลั้งมือทำร้ายผู้กล้าฝ่ายธรรมะ" แฟนๆหลายๆท่านออกมาให้ความเห็นว่า ผู้กล้าท่านนั้นคือ อึ้งเซี๊ยะ (ผู้คิดค้นคัมภีย์เก้าอิม) นั่นเอง

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

..ว่าด้วยเรื่อง ตระกูลหยาง

..ว่าด้วยเรื่อง ตระกูลหยาง

ขุนศึกตระกูลหยาง เวอร์ชัน TVB ปี 1985


หมายเหตุ: แซ่เอี้ย = แซ่หยาง อ่านต่างกันตามแต้จิ๋ว และ จีนกลาง

..ขุนศึกตระกูลหยาง(เอี้ย)เป็นที่ยอมรับกันเป็นอย่างมากในฐานะที่เป็นกลุ่มนักรบที่ต่อสู้กับศัตรูคือพวก เหลียว หรือ พวกซิตัน จนตายหมู่กันไปมาก แต่หลังจากนั้นเอง คนตระกูลหยางที่เหลือก็ปราบซิตันได้สำเร็จ ดังนั้น คนแซ่หยาง ถือเป็นตัวแทนของคนรักชาติซ้อง(ซ่ง) จนกลายเป็นตำนานเล่าขานกัน

..แน่นอนท่านที่อ่านมังกรหยกย่อมเจอกับ เพลงทวนตระกูลเอี้ย!! ในมังกรหยกภาคหนึ่ง (ก๊วยเจ๋ง) ในตอนที่ เอี้ยทิซิม ใช้เพลงทวนสู้กับ นักพรตคู่ชู่กี่ครั้งแรก จากนั้นมีการทักทายสืบประวัติจนทราบว่าเอี้ยทิซิมสือเชื้อสายมากจาก เอี้ยไจ่เฮง(หยางเจี๋ยซิน Yang Zaixin)โดยมีศักดิ์ เป็นหลาน ซึ่งเป็นทายาทของขุนศึกตระกูลหยางอีกที และเป็นขุนศึกคู่บารมีของ งักฮุย

งักฮุย (Yuè Fēi)

..ตระกูลหยาง ปกป้องบ้านเมืองจนมีความดีความชอบมากมาย พวกขุนนางกังฉินกับพวกขายชาติจึงรวมหัวกันใส่ร้าย
พอโดนมากๆเข้าไป ทั้งฮ่องเต้ก็หูเบาหลงเชื่อขุนนางกังฉิน สุดท้ายตัดสินใจออกจากราชการยกตระกูล
แล้วไปตั้งถิ่นฐานอยู่แถวชายแดนเพื่อปกป้องบ้านเมือง (อันน่าจะแถบๆหมู่บ้าน งู้แกชึง ที่ เอี้ยทิซิมอยู่)

ภาพวาดจาก หนังสือมังกรหยก ตอน เอี้ยทิซิม ปะทะกับ คู่ชู่กี

..เรื่องราวย่อๆของขุนศึกตระกูลหยางก็คือ หยางเย่ นำทัพพร้อมกับ พานเหยินเหม่ย รบกับต้าเหลียว แล้วโดน พานเหยินเหม่ย หักหลัง ทำให้โดนทหารเหลียวล้อมสุดท้ายโดนจับเป็นเชลย จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ ส่วนลูกชายทั้ง 7 ที่ออกรบพร้อมกัน เหลือรอดกลับมา เพียงคนเดียวคือ หยางลิ่วหลาง (อ้างอิงจาก The Yang's Saga ของ TVB ในปี 1985)

ภาพโปรโมตหนัง Saving General Yang ปี 2013

รายนาม 7 ขุนพลลูกชาย หยางเย่ (Yang Ye) ซึ่งเป็นพ่อแล้วหัวหน้าครอบครัว หยาง
1. Yang Dalang หยางต้าหลาง
2. Yang Erlang หยางเอ้อหลาง
3. Yang Sanlang หยางซานหลาง
4. Yang Silang หยางซื่อหลาง
5. Yang Wulang หยางอู่หลาง
6. Yang Liulang หยางลิ่วหลาง
7. Yang Qilang หยางชีหลาง


..อีกเรื่องนึงที่ว่าทำไม ‘เอี้ยคัง’ หรือ ‘หยางกัง’ ที่ถูกเลี้ยงมาโดยองค์ชายราชวงศ์กิมแถมยังเรียกอ้วนง้วนอั้งเลียกเป็นพ่อจึงกลายเป็นคนบาปของแผ่นดินไปโดยปริยายเหมือนอย่างที่ก๋วยเจ๋งบอกเอี้ยก้วยว่า...พ่อของเขาทรยศชาติ กราบโจรเป็นพ่อ เข่นฆ่าพี่น้องร่วมชาติตัวเอง เรื่องของเอี้ยคังกับกิมและก๋วยเจ๋งกับมองโกลนั้น คนซ้องให้ความรู้สึกต่างกัน ก๋วยเจ๋งนั้นแม้จะคบมองโกลและโตมาที่มองโกล แต่ก็ไม่ได้ถูกต่อต้านเท่าไหร่ เพราะ ตอนนั้นซ้องจับมือมองโกลเพื่อล้มชาติกิม และมองโกลทำสำเร็จ แต่หลังจากนั้นมองโกลก็หันดาบมาใส่ซ้องต่อทันทีกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านไปโดยปริยาย และซ้องก็ต้องมาสู้กับมองโกลต่อและสู้ไม่ได้ในที่สุดจนโดนล้มไปและมองโกลก็สถาปณาราชวงหยวนในที่สุดในเรื่องดาบมังกรหยกครับ

..............

ปอลิง : แถม เทรลเลอร์ ตัวอย่างหนัง Saving General Yang ที่มีดารา ฮ่องกง ไต้หวัน จีน ร่วมแสดง อย่าง เจิ้งเส้าชิว (รับบท หยางเย่) และลูกชายทั้ง 7 นำแสดงโดย เจิ้งอีเจี้ยน, หยูปอ, โจวอี๋ว์หมิน (วิค F4), หลี่เฉิน, หลินฟง, อู๋จุน และฟู่ซินป๋อ

ภาพโปสเตอร์โปรโมตหนังอีกอัน


วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

..ว่ากันด้วยเรื่อง "รู้ป่าวอั๊วเป็นใคร??"

..ว่ากันด้วยเรื่อง "รู้ป่าวอั๊วเป็นใคร??"



..ใครอ่ะ


..หากท่านทั้งหลายไปพูดคำๆนี้ แถวโรงเตี๊ยมสี ย่านสีลม แล้วล่ะก็ อาจโดน รุมกระทืบด้วยเพลงฝ่าเท้า หลายท่าก็เป็นได้..แต่หากว่าคำพูดนี้ เป็นคำพูดของคุณหนูรองแห่งบ้านแซ่ ก๊วย นาม เซียง ได้เอ่ยขึ้นในขณะปะมือกับ หลวงจีนแห่งตึกอรหันต์ (ล้อฮั่นตึ้ง) แห่งวัดเสียวลิ้มยี้ (เส้าหลิน) นาม บ้อเส็กเซี่ยงซือ นั่นเอง

..อันที่จริงนางมิได้กล่าวแบบนั้นหรอก เรามาท้าวความกันดีกว่า

ก๊วยพู้, ก๊วยพั่วลู่, ก๊วยเซียง

..เริ่มแรกของ ดาบมังกรหยก(มังกรหยกภาค 3) เป็นช่วงรอยต่อ ระหว่าง ภาค 2 และ ภาค 3 ในมังกรหยกไตรภาค โดยเหตุการณ์เป็น ช่วงที่ ก๊วยเซียง บุตรีคนรองของก๊วยเจ๋งไต้เฮียบ และอึ้งย้ง ได้เดินทางออกตามหา เอี้ยก้วย หลังจากไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบภาค 2 คือพี่แกวางมือจากยุทธภพ ไปกับเมียแก คือ เซียวเหล่งนึ่ง เร้นกายอยู่ ถ่ำสุสานโบราณรึเปล่าไม่แน่ใจ

..ระหว่างที่ตามหาเอี้ยก้วยนั้นก๊วยเซียงก็ได้ขึ้นไปวัดเส้าหลิน เพื่อถามหา บ้อเส็กเซี่ยงซือ สหายของ เอี้ยก้วย จะได้สอบถามข่าวคราวของ จอมยุทธอินทรี จนได้พบกับ กักเอี้ยงไต้ซือ และ เตียกุนป้อ (เตียซำฮง ตอนเด็ก) อีกครั้ง หลังจากเจอกันตอนท้ายภาคสอง โดยที่ กักเอี้ยงไต้ซือได้ถูกทำโทษ ให้แบกน้ำ และ ล่ามโซ่ จากโทษที่ได้ทำคัมภีร์ ลังกาวตาลสูตร หายไป

วัดเสียวลิ้มยี้ (วัดเส้าหลิน)

..จนได้ปะทะกับหลวงจีนวัดเส้าหลิน และได้ต่อกรกับ บ้อเส็กเซี่ยงซือ โดยที่ทั้งสองไม่ทราบว่าใครเป็นใคร

..บ้อเส็กเซี่ยงซือ ถามชื่อแซ่ อาจารย์ของ ก๊วยเซียง แต่นางไม่อยากให้ ครอบครัวต้องมาลำบากเพราะนางซนเลยไม่ได้บอกออกไป ดังนั้น บ้อเส็กเซี่ยงซือ จึงบอกว่าจะประลอง 10 เพลง แล้วจะบอก ค่ายพรรคที่ ก๊วยเซียงสังกัดอยู่ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้จะยกน้ำแทน กักเอี้ยงไต้ซือ เป็นการทำโทษแทน ก๊วยเซียงตกลงรับคำท้า "รู้ป่าวอั๊วเป็นใคร" แล้วจึงเริ่ม อัดกัน

หยาง มี่ รับบทเป็น ก๊วยเซียง จาก มังกรหยกตำนานศึกเทพอินทรี 2006

..โดย 10 กระบวนท่าที่ ก๊วยเซียงใช้ออกนั้น ประกอบไปด้วย

1. กระบวนท่าในเพลงกระบี่บุปผาร่วง นาม บ้วนจี่โชยอั้ง (หมื่นม่วงพันแดงโรจน์) ของ อึ้งเอี๊ยะซือ
2. กระบวนท่าในเพลงกระบี่สำนักช้วนจิน นาม เทียนซิ้งต้อฮุ่ย (เทพสวรรค์ย้อนแขวน) สอนโดย ก๊วยเจ๋ง
3. กระบวนท่าในเพลงไม้เท้าตีสุนัข นาม อักเคี่ยงลั่งโล่ว (สุนัขดุขวางทาง)
"เพลงไม้เท้าตีสุนัข ถ่ายทอดให้แก่เจ้าสำนักเท่านั้น แต่ที่ ก๊วยเซียงใช้ออก เพราะเคยแอบเรียนมาท่าสองท่า จาก ลุ่อู่คา หัวหน้าพรรครุ่นก่อน อย่าว่าแต่แค่นี้เลย อึ้งย้ง แม่ของก๊วยเซียงเอง ก็เป็นเจ้าสำนักพรรคกระยาจกมาก่อนเช่นกัน นอกจากนี้ เยลุกชี้ พี่เขยนาง ก็เป็น เจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันอยู่ ถึงไม่เข้าใจถ่องแท้ แต่ก็ใช้ออกได้"

4. กระบวนท่าในเพลงกระบี่สุรางคนางค์ นาม เซี่ยวฮึ่งเง่ยเก๊ก (ศิลปไผ่ในสวนน้อย) ของเซียวเหล่งนึ่ง
5. กระบวนท่่าในเพลงกระบี่ สี่ทงโป๊ยตั๊ก (ตัดผ่านทุกทิศทาง) ของ เอี้ยก้วย ที่เคยสอนให้ เตียกุนป้อ เป็นเพลงฝ่ามือ แต่ ก๊วยเซียงแปลงเป็นเพลงกระบี่
6. วิชา นี้ชิวกง (วิชาปลาเลน) ใช้เพื่อลื่นหลุดจากการโจมตี ของ เอ็งโกว

7. กระบวนท่ากระบี่ เจ่กเอี้ยงจี้ (ดรรชนีเอกสุริยัน) โดยใช้กระบี่แทน ดรรชนี วิชานี้ บู๊ซิวบุ้นสอนให้
8. กระบวนท่าที่ 54 ใน 72 แนวทางหมัด คงเม้งคุ้ง (หมัดสูญจำรัส) ของ จิวแป๊ะทง นาม เหมียวชิ่วคงคง (มือวิเศษว่างเปล่า)
9. ท่าทิพู้ซี่ชิ่ว (มือพัดใบลานเหล็ก) สอนโดย อ้วงง้วนเพี้ย ภรรยา ของ บู๊ซิวบุ้น เป็นเคล็ดวิชาตกทอดจาก ฮิ้วโชยยิ่มอดีต หัวหน้าพรรคมือเหล็ก
10. กระบวนท่าในเพลงหมัดอรหันต์ นาม โค้วไฮ้ฮ้วยเท้า (กลับใจจากทะเลทุกข์) ของสำนัก เซียวลิ้มยี้ (เส้าหลิน)

..สุดท้าย บ้อเส็กเซี่ยงซือทายออกว่า นางเป็นใคร แต่ไม่ใช่ จาก กระบวนท่าทั้ง 10 หรอก แต่เพราะ อรหันต์เหล็กคู่ ที่นางทำหล่นขณะต่อสู้ต่างหาก

..อรหันต์เหล็กคู่นี้ เป็นของขวัญที่ บ้อเส็กเซี่ยงซือ ฝากคนเอามาให้ ก๊วยเซียงในวันเกิดครบรอบ 16 ปี โดย เอี้ยก้วย ได้ไปเกณฑ์ ยอดฝีมือ ทั้ง ธรรมะ อธรรม มาอวยพรวันเกิดให้ก๊วยเซียงในภาค 2 ทำให้ หลวงจีนบ้อเส็กเซี่ยงซือ นึกออกและกล่าวไปว่า

.."เราไหนเลยพ่ายแพ้ได้ เราทราบว่าบิดาท่านคือ ยอดวีรบุรุษก๊วยเจ๋ง มารดาท่านคือ วีรสตรีอึ้งย้ง งั่วกง(ตา) ท่านเป็นประมุขเกาะดอกท้อ, ก๊วยยี่เสียวเจี้ยะ(คุณหนูรองแซ่ก๊วย) มีนาม 'เซียง' ซึ่งเป็นคำเดียวกับเมือง เซียงเอี้ยง บิดาท่านร่ำเรียนวิชาฝีมือของกังน้ำฉิกไกว่ (เจ็ดประหลาดแดงกังหนำ) เก้าจี้ซิ้งก่าย (ขอทานเทพยดาเก้านิ้ว) เกาะดอกท้อและสำนักช้วนจิน ก๊วยยี่เสียวเจี้ยะมีการศึกษาอย่างกว้างขวาง พลังฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ"

หวงชิวเซิน รับบท อึ้งเอี๊ยซือ ใน มังกรหยก 2008

หมายเหตุ: อันที่จริง ก๊วยเซียงใช้ออก 11 กระบวนท่ามากกว่า เพราะก่อนใช้ 10 ท่าดังกล่าว ก๊วยเซียงใช้ วิชา ลั้งฮวยฮุกฮวกชิ่ว (มือกล้วยไม้ปาดจุด) เป็นวิชาของ อึ้งเอี้ยซือ ใส่ บ้อเส็กเซี่ยงซือ ก่อน